Posts Tagged ‘Thai’
5 สิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยส่งให้ลูกน้อยของคุณเข้านอน
จากที่คุณได้ติดตามอ่านบทความของเราเกี่ยวกับการอดนอนของเด็กวัยหัดเดินนั้น วันนี้เรามี 5 สิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยส่งให้ลูกน้อยของคุณเข้านอนได้ง่ายและเร็วขึ้นมานำเสนอกัน สถานีปกป้องฉันให้หลับฝันดี โมบายกล่อมเด็กที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูงซึ่งทำงานอย่างชาญฉลาดโดยจะมีเสียงเพลงบรรเลงหมุนเวียนกันไปเมื่อลูกน้อยขยับตัวในอิริยาบถต่างๆในขณะนอนหลับ เครื่องนี้จะบรรเลงเพลงและกระจายแสงอ่อนๆออกมาช่วยกล่อมให้ลูกน้อยหลับสบายในเตียงของเขา ในตัวเครื่องจะมีเซ็นเซอร์ที่ช่วยตรวจจับการเคลื่อนไหวและบรรเลงเพลงและเสียงอย่างคล้องจองกัน แสงไฟสลัวอ่อนๆจะเปิดขึ้นอัตโนมัติถ้าลูกน้อยตื่นขึ้นในตอนดึก เครื่องเพิ่มความชุ่มชื้นไอระเหยแบบเย็น เครื่องจะฉายแสงดาวที่ดึงดูดความสนใจจากลูกน้อยของคุณให้มองตามและพร้อยหลับไป อีกทั้งยังมีละอองน้ำที่สะอาดกระจายออกมาจากตัวเครื่องเพิ่มความชุ่มชื้นนี้ในขณะลูกน้อยนอนหลับ ในขณะที่เครื่องนี้สามารถใช้งานได้ทุกวันโดยการปรับระดับให้ต่ำลง มันยังเป็นตัวช่วยอุ่นเครื่องที่ดีซึ่งช่วยลูกของคุณได้ในบางวันที่เขานอนไม่หลับด้วย ตัวเครื่องเองนั้นยังสามารถขจัดความเสี่ยงที่ไม่ทำให้ละอองน้ำกระจายไปเข้าตาของลูกคุณด้วย ขวดนมทำความอุ่นอัตโนมัติ ด้วยรูปทรงและองค์ประกอบการทำความอุ่นอัตโนมัติที่ทันสมัยนี้จะทำให้คุณหมดกังวลกับขวดนมที่ไม่น่าดึงดูดความสนใจแบบในอดีตไปเลย ลูกของคุณจะได้ดื่มนมอุ่นๆไม่ว่าจะเมื่อไหร่หรือที่ไหนก็ตาม เบาะเสริมที่นอนระบบสั่นช่วยให้ลูกน้อยหลับง่าย สอดเบาะนี้เข้าไปใต้ที่นอนของลูกน้อย จะเกิดระบบสั่นเบาๆเพื่อกล่อมให้ลูกน้อยหลับสบาย ซึ่งเป็นอะไรที่ได้ผลค่อนข้างดีที่เดียว ตุ๊กตาหมีเคลิ้มหลับ เป็นสิ่งที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยแพทย์ ซึ่งอ้างอิงเอาเสียงที่เกิดขึ้นขณะที่ทารกยังอยู่ในครรภ์มารดามาใช้เพื่อช่วยกล่อมให้ลูกน้อยหลับ เมื่อลูกตื่นหรือขยับตัวจะมีเซ็นเซอร์ที่ค่อยจับการเคลื่อนไหวและเปิดเสียงออกมาขับกล่อม
Read Moreเราควรจะทำยังไงดีกับการอดนอนของเด็กๆ
คุณประสบปัญหาการปลุกลูกๆให้ตื่นนอนในตอนเช้าอยู่หรือไม่ พวกเขามีอาการสมาธิสั้นระหว่างวันหรือไม่สามารถจดจ่ออยู่กับกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งได้รึเปล่า มีความอยากอาหารเพิ่มขึ้นหรือมีพฤติกรรมที่ดื้อและไม่เชื่อฟังเกิดขึ้นรึเปล่า คุณอาจจะคิดไปได้ว่าอาการเหล่านี้ จริงๆแล้วเป็นลักษณะปกติที่เกิดจากการอดนอนของเด็กๆ และโรคอ้วนเองก็ถูกโยงว่าเป็นผลมาจากการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอของเด็กๆ เช่นกัน แล้วอย่างนี้เด็กจะต้องมีปริมาณการนอนเท่าไหร่ถึงจะถูกต้อง เมื่อลูกตื่นนอนนั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอแล้วหรอกหรอ โดยทั่วไปแล้วเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 4 ถึง 5 ขวบขึ้นไปควรจะนอนประมาณ 13 ชั่วโมงต่อวัน และแน่นอนว่าเด็กที่อายุน้อยกว่านั้นควรจะได้นอนกลางวันประมาณ 2 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งนั่นจะทำให้พวกเขาต้องการการพักผ่อนที่น้อยลงในช่วงเวลากลางคืน นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่คุณควรจะรู้เกี่ยวกับข้อจำกัดช่วงเวลาการตื่นและการนอนของลูกของคุณ เด็กๆหลายคนมักจะไม่ยอมนอน ถ้าหากพวกเขาไม่ได้ถูกกล่อมให้นอนในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด พวกเขาอาจจะดูตื่นตัวและมีความสุขดีแต่นี่แหละเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าจะนำไปสู่การไม่ยอมเชื่อฟังและมีพฤติกรรมที่ดื้อรั้นเกรี้ยวกราดในที่สุด ดังนั้นเทคนิคก็คือการทำให้ลูกของคุณนอนหลับในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดแต่นี่ก็เป็นสิ่งที่พ่อแม่หลายๆ คนจะบอกคุณว่าพูดนั้นง่ายกว่าทำได้ ช่วงเวลาการนอนจะต้องไม่มีความหมายแฝงในแง่ลบกับเด็กๆในวัยหัดเดิน มันจำเป็นจะต้องเป็นสิ่งที่พวกเขารู้สึกสนุกและสบายใจที่จะทำ นี่เป็นสิ่งที่จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างมากและความสม่ำเสมอโดยอาศัยสภาวะแวดล้อมในการนอนและกิจวัตรประจำวันเป็นตัวช่วยซึ่งนี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายมากแต่คุณก็ควรจะสนุกไปกับมันโดยหาหนทางที่สร้างสรรค์ที่คุณจะสามารถโน้มน้าวลูกของคุณให้เข้านอนในเวลาที่เหมาะสมได้ สภาพแวดล้อมที่พิเศษ สภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นแค่ในช่วงเวลานอนคือหนทางที่ดีที่สุดหนทางหนึ่งที่สามารถโน้มน้าวเด็กในวัยหัดเดินที่กำลังเล่นอยู่นั้นให้หันเข้ามาสู่โหมดการนอนได้โดยไม่เกิดการต่อต้านแต่อย่างใด ช่วงเวลานอนจะไม่แย่งเวลาเล่นของพวกเขาไปทั้งหมดแต่การปรับเปลี่ยนจะทำให้อะไรๆง่ายขึ้นและลดความกดดันลงไปได้เป็นอย่างมาก เพื่อนของผมคนนึงแปะสติ๊กเกอร์ดวงดาวเรืองแสงไว้เหนือเตียงนอนของลูกของเขา และเขายังเปิดเพลงกล่อมเด็กที่ฉายภาพประกอบบนผนังด้วย ซึ่งสภาพแวดล้อมแบบนี้จะเกิดขึ้นแค่ในช่วงเวลานี้ของวันเท่านั้นเพื่อเป็นตัวกระตุ้นให้ลูกของเขาเข้านอน และนี่ไม่ใช่การกระตุ้นที่มากจนเกินไปซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ตัวกระตุ้นใดๆที่เด็กๆเอื้อมไม่ถึงหรือแตะต้องไม่ได้อย่างที่กล่าวไปนั้นเป็นตัวช่วยได้อย่างดีเลย การผสมผสานระหว่างไฟสลัวๆกับเพลงบรรเลงนั้นดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ได้ผลเป็นอย่างดี เมื่อลูกน้อยนอนอยู่บนเตียงก็จะได้ยินเสียงเพลงที่โปรดปรานบรรเลงขึ้นและเสียงเล่าเรื่องคอยขับกล่อมเป็นกิจวัตรประจำวัน ซึ่งเพื่อนของผมบอกว่านี่เป็นสิ่งที่เขามักจะทำให้ลูกของเขาอยู่เป็นประจำแต่ก็ไม่ใช่จะได้ผลทุกครั้งเสมอไป บททดสอบและข้อผิดพลาดคือสิ่งที่สำคัญที่สุดและความมุ่งมั่นคือกุญแจหลักที่คุณจะหาหนทางที่ได้ผลกับลูกของคุณในที่สุด การแบ่งเวลาทีละนิด เมื่อลูกของคุณเริ่มที่จะเข้านอนด้วยตัวเองได้แล้ว คุณก็ค่อยๆลดเวลาที่จะใช้อยู่กับเขาในห้องของเขาลงทีละนิด ยิ่งคุณทำแบบนี้ได้เร็วเท่าไหร่มันก็จะช่วยให้ลูกของคุณเข้านอนด้วยตัวเองได้เร็วเท่านั้น แน่นอนว่าเสียงเพลงและนิทานที่ขับกล่อมนั้นดีมากสำหรับลูกน้อยที่เขาจะได้รับการพัฒนาทักษะทางด้านภาษาและการฟัง อีกทั้งยังเป็นตัวกระตุ้นที่ดีอีกด้วย แต่คุณจะต้องจัดสรรเวลาให้ดีสำหรับกระบวนการที่จะพาลูกเข้านอนด้วย การจะเริ่มทำสิ่งเหล่านี้อาจจะต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์หรืออาจจะเป็นเดือนกว่าที่จะทำให้ลูกของคุณนั้นปรับตัวทีละนิดจนสามารถเข้านอนได้ด้วยตัวเองโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้เวลาอยู่ในห้องของเขาเป็นเวลานานๆ อย่างเช่นจากที่เคยใช้เวลาประมาณ 10-15นาที สามารถที่จะลดลงมาเหลือเพียงแค่ 5-10นาทีได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับกิจวัตรประจำวันโดยทั่วไปของคุณด้วย เด็กเล็กๆเองก็อาจจะตื่นขึ้นมากลางครันในตอนกลางคืน …
Read Moreทำไมเด็กที่เรียนสองภาษาถึงได้เกรดดีกว่าเด็กที่เรียนภาษาเดียว หาคำตอบกันได้ในบทความนี้กันเลย !!!
ในปัจจุบันการเดินทางไปต่างประเทศเป็นเรื่องที่ง่ายมากจึงทำให้ผู้คนได้มีโอกาสที่เรียนรู้วัฒนธรรมของต่างชาติได้ง่ายมากขึ้น ดังนั้นการให้บุตรหลานได้มีการเรียนรู้หลายภาษาตั้งแต่อายุที่ยังน้อยจะทำให้มีการเรียนรู้ได้ค่อนข้างเร็ว โดยการเริ่มต้นการเรียนสองภาษาในปัจจุบันมีหลากหลายที่เปิดรับไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนหรือเนอสเซอรี่ให้ท่านได้เลือก ซึ่งการดได้เรียนรู้สองภาษาไม่ได้ทำให้มีโอกาสได้งานดีอย่างเดียวแต่ยังทำให้พัฒนาทักษะในด้านอื่นๆด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เด็กที่เรียนสองภาษาไม่ได้เรียนดีแต่ในโรงเรียนของพวกเขาเท่านั้นแต่ยังสามารถเรียนได้ดีในสถานศึกษาที่อื่นด้วยเช่นกัน จากผลงานวิจัยพบว่า เด็กสองภาษามักจะมีผลการเรียน มีความสนใจในบทเรียนได้ดีกว่าเด็กที่เรียนภาษาเดียว สิ่งเหล่านี้จะเห็นได้ชัดในส่วนของการทำงานของสมองของเด็กเมื่อพวกเขากลายเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตซึ่งจะมีความสามารถกลั่นกรองข้อมูลและรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ การเรียนรู้หลายภาษาตั้งแต่แรกเกิดยังช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองและส่งผลให้มีการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับการวิจัยของมหาวิทยาลัยวอชิงตันทำการศึกษาโดย ดร.Kuhl ได้ศึกษาการทำงานของสมองโดยใช้เครื่องจำลองการทำงานของสมอง (MEG) พบว่า ทารกที่เรียนสองภาษามีกระบวนการรับรู้และมีการปรับตัวกับสถานการณ์ได้ดีมากกว่าทารกที่เรียนรู้แค่ภาษาเดียว โดยทั่วไปแล้วความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะทางภาษาจะมีความยากมากขึ้นเมื่อมีอายุที่มากขึ้นซึ่งผู้ใหญ่หลายท่านคิดว่ามันไม่ได้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตแต่อย่างไร ซึ่งจริงๆแล้วสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างแรงกระตุ้น แต่อย่างไรก็ตามสมองของเด็กจะมีความแตกต่างกันไปเมื่อได้เรียนรู้ภาษามากกว่าหนึ่งภาษาในเวลาเดียวกันซึ่งสมองของทารกจะสามารถแยกแยะภาษาพื้นฐานจากการได้ยินเสียงหรือการใช้น้ำเสียงที่ใช้เรียกได้เป็นร้อยๆ เสียง แต่ในทางตรงกันข้ามการเรียนรู้ของผู้ใหญ่จะมีความสามารถที่เรียนรู้ได้ช้าลง และมีความผิดพลาดในหลักไวยากรณ์มากขึ้นเช่นกัน จะเห็นได้จากงานวิจัยของสมองของผู้ที่เรียนสองภาษาที่มีผลต่อการชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อม พบว่า สมองของผู้ที่เรียนสองภาษาจะมีเนื้อเยื่อของสมองทึบและมีความต่างกันของการเชื่อมต่อของโครงสร้างสมองและจุดที่น่าสนใจก็คือจะพบมากในส่วนของผู้ใหญ่ที่ได้เรียนสองภาษาตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 5 ปี ในแง่มุมด้านอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับด้านสุขภาพหรือเกี่ยวกับผลทางด้านการเรียน พบว่า ผู้ที่เรียนภาษาที่สองจะมีความเข้าใจและยอมรับของความแตกต่างหรือความหลายหลายในวัฒนธรรมได้ดีกว่า ในปัจจุบันเราสามารถจำแนกผู้ปกครองออกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่หนึ่งเป็นผู้ปกครองที่พยายามพูดหรือสอนภาษาที่สองที่บ้าน รวมไปถึงการเล่านิทานก่อนนอนหรือดูการ์ตูนในภาษาต่างๆ ในขณะที่กลุ่มที่สองเป็นผู้ปกครองที่พูดเพียงแค่ภาษาเดียวซึ่งเป็นการตัดโอกาสการได้เรียนรู้ภาษาที่สองโดยสื้นเชิง แต่อย่างไรก็ตามคุณสามารถเริ่มที่เปลี่ยนแปลงกระบวนการคิดของการเรียนภาษาที่สองโดยการเริ่มเลือกโรงเรียนหรือเนอสเซอรี่ที่เป็นสองภาษาหรือนานาชาติเพื่อทำให้เด็กๆ ได้คุ้นเคยสภาพแวดล้อมการใช้ภาษาที่สองหรือการเรียนรู้จากหลากหลายวัฒนธรรมของเพื่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการมอบของขวัญชิ้นที่สำคัญที่สุดที่คุณจะมอบให้แก่บุตรหลานของท่าน
Read Moreคุณประเมินความสามารถลูกของคุณต่ำไปหรือเปล่า
ช่วงนี้ผมมักจะได้เห็นบทความหรือการแสดงความคิดเห็นต่างๆเกี่ยวกับการผลักดันเด็กๆ รวมไปถึงเรื่องที่ว่าเด็กๆควรจะมีอิสระและสนุกกับการใช้ชีวิตในวัยเด็กมากกว่าที่จะถูกบังคับให้เรียน ซึ่งผมก็รู้สึกเห็นด้วยในเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ตามยังมีข้อโต้แย้งหลายๆอย่างและยังมีบทความบางบทความที่ยังไม่เปิดกว้างเกี่ยวกับนิยามของคำว่าผลักดัน การติดตามงานวิจัยที่เกี่ยวกับการศึกษาก็เป็นงานอีกอย่างหนึ่งของผม ในทุกๆวันผมจะได้อ่านบทความเกี่ยวกับการที่เด็กๆถูกผลักดันมากจนเกินไป และพบบางความคิดเห็นจากบางท่านที่ได้อ่านนิตยสารสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่เชื่อว่าเด็กๆไม่ควรจะเข้าโรงเรียนจนกว่าพวกเขาจะมีอายุ 6-7 ปี ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากคนที่ชอบทำตัวให้เหมือนกับว่าพวกเขานั้นรู้มากกว่างานวิจัยและรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับการศึกษา และทุกๆคนต่างก็พูดถึงเรื่องนั้นไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ คุณครู หรือแม้กระทั่งเหล่าคนดังทั้งหลาย และคนเรามักจะทำตามกระแสอย่างรวดเร็วเพื่อพยายามทันตัวให้ทันสมัย แต่ในขณะเดียวกันพวกเขากลับลืมไปว่าสิ่งที่เขากำลังโต้กันอยู่นั้นคือเรื่องอะไร ผมเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะขัดแย้งกันและฟังดูเหมือนกับว่าผมจะเป็นพวกต้านกระแส แต่ลองมาฟังความคิดเห็นของผมดีกว่า ประการแรก การที่เราผลักดันให้เด็กๆทำอะไรในสิ่งที่พวกเขาไม่อยากจะทำนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย นี่ไม่ใช่ข้อโต้แย้งที่ผมสร้างขึ้นมา ผมเพียงต้องการจะบอกว่าเราจำเป็นที่จะต้องแยกให้ออกว่าอะไรคือการผลักดันและอะไรคือการเรียนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ BEYC ได้ยึดถือ การบังคับให้เด็ก 3 ขวบคัดลายมือไม่ได้ช่วยอะไรเลยและสิ่งนี้เป็นสิ่งที่บทความเหล่านั้นพูดถึง สิ่งที่ผมกำลังพูดถึงอยู่คือ เด็กๆเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่เกิดซึ่งจริงๆแล้วก็คือพวกเขาเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์เสียด้วยซ้ำ การที่เราโกรธเมื่อลูกไม่เก็บของเล่นนั้นไม่ใช่ว่าเรากำลังสอนเขาอยู่หรือ การที่เราสอนให้เด็กๆทานอาหารด้วยตัวเองหรือผูกเชือกรองเท้าด้วยตัวเองไม่ได้แปลว่าเรากำลังสอนพวกเขาอยู่หรือ ความแตกต่างหลักๆระหว่างการเรียนรู้แบบนี้กับการเรียนตามโรงเรียนทั่วไปคือ 1. การเล่นตัวต่อเลโก้นั้นสนุก 2. สิ่งที่น่าเบื่อเช่นการผูกเชือกรองเท้านั้นเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เด็กสามารถทำได้ ดังนั้นถ้าเราสามารถนำแนวคิดของการเรียนแบบนี้และนำมาใช้ในโรงเรียนเพื่อทำให้การเรียนนั้นสนุกและก็ทำให้เรื่องที่น่าเบื่อนั้นสั้นจนเด็กๆไม่รู้สึกถึงมันเด็กๆก็จะอยากมาโรงเรียนเอง เด็กๆที่นี่ถูกบังคับให้เรียนหรือว่าพวกเขามีความสุขกับการเรียนกันแน่? บทความที่ได้กล่าวว่าเด็กๆนั้นเรียนเร็วเกินไปหรือถูกบังคับให้เรียนเร็วเกินไปนั้นมักจะโฟกัสไปที่อายุและวิธีการสอนแบบดั้งเดิม จนพวกเขาลืมพิจารณาว่าโรงเรียนแต่ละที่มีการเรียนการสอนแบบไหน การหาโรงเรียนที่ทำให้ทุกๆเรื่องเป็นเรื่องที่สนุกสำหรับเด็กๆนั้นได้ยากมาก ซึ่งคุณมักจะเห็นว่าคุณครูและระบบของโรงเรียนนั้นไม่ได้สร้างความท้าทาย แต่เมื่อจะต้องเลือกโรงเรียนให้ลูกและคุณกังวลว่ามันจะเร็วไปหรือไม่ โปรดจำไว้ว่ามันไม่เร็วเกินไปถ้าหากคุณได้พบที่ที่เหมาะสม กิจกรรมทั้งหมดที่โรงเรียน BEYC นั้นมีความสนุกสนานและทำให้การเรียนการสอนนั้นง่ายและสนุกมากขึ้น จะมีบางช่วงที่เด็กๆต้องใช้สมาธิเช่นกันแต่ก็จะเป็นช่วงสั้นๆและเมื่อเด็กๆทำต่อไปไม่ได้แล้วเราก็จะไม่บังคับเด็กๆและเราจะเดินหน้าต่อไป คุณคงจะคิดว่าการทำแบบนี้ได้ผลมั้ย? ลองดูผลที่เราได้รับจากเด็กระดับชั้นYear 1 ด้านล่างนี้ดูสิครับ บทความในนิตยสารอีกแบบที่ผมได้เห็นเป็นประจำคือการพูดเกี่ยวกับพัฒนาการในแต่ละช่วงวัยสำหรับเด็กๆซึ่งมันก็มีประโยชน์ในบางส่วน…
Read Moreเกมสำหรับการสอนโฟนิค์ : Buried Treasure
เกมนี้เด็กๆจะต้องผลัดกันอ่านเสียงหรือคำศัพท์จากเหรียญของโจรสลัด ซึ่งเกมสามารถเล่นได้ 2 วิธี ดังนี้ เหรียญจริง VS เหรียญปลอม ถ้าเด็กๆคิดว่าคำศัพท์ที่พวกเขาได้อ่านจากเหรียญเป็นคำศัพท์จริงๆ ให้พวกเขาเอาเหรียญใส่ในหีบสมบัติเพื่อเก็บไว้ แต่ถ้าเด็กๆคิดว่ามันเป็นไม่ได้เป็นคำศัพท์จริงๆให้พวกเขาเอาเหรียญไปทิ้งในถังขยะ แข่งกับโจรสลัด เด็กๆจะต้องเอาชนะโจรสลัดให้ได้โดยการอ่านคำศัพท์ให้ถูกต้องเพื่อเก็บสะสมเหรียญ ถ้าเด็กๆไม่สามารถอ่านคำศัพท์ได้เด็กๆก็จะไม่ได้เหรียญนั้นและ โจรสลัดก็จะเก็บเหรียญกลับเข้าไปไว้ในหีบของเขาเหมือนเดิม อุปกรณ์ที่ต้องใช้ : เหรียญขนาดใหญ่สำหรับเขียนคำศัพท์ที่สามารถลบแก้ได้, หีบสมบัติ, ถังขยะ, ชุดโจรสลัด (อาจจะมีหรือไม่ต้องมีก็ได้)
Read Moreเกมสำหรับการสอนโฟนิคส์ : Focus on Phonics
เกมนี้สามารถเล่นในห้องเรียนได้ แต่ถ้าต้องการให้ได้ผลดีควรจะพาเด็กๆไปเล่นนอกห้องเรียนเพราะเกมนี้เป็นเกมเกี่ยวกับการผจญภัย เด็กๆทุกคนจะมีแว่นขยายเป็นเครื่องมือ และพวกเขาจะต้องออกไปตามหาบัตรคำต่างๆเพื่อมาอ่านให้คุณครูฟัง หากว่าคุณมีแมลงจำลองที่เป็นพลาสติกตัวเล็กๆให้ติดบัตรคำศัพท์ไว้ที่ใต้ตัวแมลง และเอาแมลงเหล่านั้นในซ่อนตามพุ่มไม้หรือท่ามกลางดอกไม้ ตัวอักษรที่ใช้ในบัตรคำควรจะเป็นอักษรตัวเล็กๆที่สามารถอ่านได้โดยการใช้แว่นขยายเพื่อช่วยอ่านเท่านั้น เราชอบเกมนี้มากเนื่องจากเด็กๆจะต้องให้ความสนใจกับคำที่จะต้องอ่านมาก อุปกรณ์ที่ต้องใช้ แว่นขยาย, บัตรคำศัพท์เล็กๆ, แมลงจำลอง
Read Moreเกมสำหรับการสอนโฟนิคส์ : Phonics Raceway
เกมนี้เป็นเกมที่เด็กๆชื่นชอบมาก คุณครูอาจจะต้องเตรียมอุปกรณ์เยอะหน่อยแต่ว่ามันคุ้มค่ากับการเตรียมการ เด็กๆจะขับรถเด็กเล่นไปรอบๆสนามเด็กเล่น (หรือทางเดินรถหากว่าคุณมี) และเด็กๆจะต้องจอดรถที่เสาที่มีบัตรคำติดอยู่เพื่ออ่านคำศัพท์ เกมนี้สามารถเล่นได้หลายวิธี สำหรับเด็กเล็กให้เด็กพยายามใช้ตัวเลือกแค่ไม่กี่ตัวและให้เด็กๆเลือกเสียงที่ถูกต้อง สำหรับเด็กโตสามารถใช้เป็นคำที่อยู่ในระดับของเด็กได้ ส่วนใหญ่เราจะใช้บัตรคำสีๆที่ลบแก้ไขได้เพื่อความหลากหลาย ดังนั้นเด็กสามารถเลือกบัตรคำและได้รับคะแนนจากการอ่านบัตรคำที่พวกเขาเลือกได้ และยิ่งคำที่มีความยากมากขึ้นเท่าไหร่คะแนนที่ได้ก็จะมากขึ้นเท่านั้น บางครั้งคุณครูอาจจะต้องการให้เด็กบางคนอ่านบัตรคำที่มีความยากกว่าเด็กคนอื่นหากว่าในกลุ่มนั้นประกอบไปด้วยเด็กๆที่มีความสามารถหลายระดับ เกมนี้ควรจะดำเนินไปอย่างรวดเร็วและสามารถทำได้ทั้งเป็นการเล่นเดี่ยวๆหรือให้แข่งขันระหว่างทีมก็ได้ ซึ่งไม่ว่าจะเล่นแบบไหนเด็กๆก็ชอบเล่นเกมนี้มาก อุปกรณ์ที่ต้องใช้ : รถเด็กเล่น, เสาสำหรับติดบัตรคำ, บัตรคำที่ลบแก้คำได้และบัตรคำที่ตรงกับระดับความสามารถของเด็ก
Read Moreเกมสำหรับการสอนโฟนิคส์ : Run to the Board
เกมนี้เหมาะสำหรับเป็นกิจกรรมกลางแจ้งเนื่องจากจะต้องวิ่ง เกมนี้ไม่มีอะไรยุ่งยากแต่จะมีความแตกต่างในเรื่องของกิจกรรมการเขียนโฟนิคส์ในแต่ละห้องเรียน เกมนี้เหมาะกับคำศัพท์ที่เป็น Tricky words ซึ่งคุณครูจะให้เด็กอ่านและจำคำศัพท์ที่สนามฝั่งนึงและเด็กๆจะต้องวิ่งไปที่ไวท์บอร์ดของตัวเองและสะกดคำให้ถูกต้อง อีกทั้งเกมนี้ยังสามารถเล่นได้โดยการที่คุณครูบอกคำศัพท์และให้เด็กเขียนคำศัพท์โดยการแยกส่วนประกอบของเสียง ถ้าเป็นเด็กโตขึ้นมาหน่อยสามารถแบ่งเด็กออกเป็นกลุ่มเพื่อแข่งขันกันได้ และสำหรับเด็กเล็กอาจจะให้เด็กๆเขียนเฉพาะเสียงเดี่ยว อุปกรณ์ที่ต้องใช้ : ไวท์บอร์ด, ปากกา
Read Moreเกมสำหรับการสอนโฟนิคส์ : Musical Phonics
เกมนี้เป็นเกมที่เด็กๆชื่นชอบและเป็นเกมที่เหมาะที่จะเป็นกิจกรรมเริ่มต้นหรือกิจกรรมหลักของการเรียน เด็กทุกคนจะต้องมีไวท์บอร์ดและปากกาวางอยู่บนโต๊ะเพื่อเตรียมพร้อม จากนั้นคุณครูจะเปิดเพลงและเด็กๆจะต้องเต้น และเมื่อเพลงหยุด คุณครูจะบอกคำศัพท์ที่นักเรียนจะต้องเขียน นักเรียนจะต้องกลับไปที่โต๊ะของตัวเองอย่างรวดเร็ว (และปลอดภัย)เพื่อเขียนคำศัพท์ และแยกส่วนประกอบของคำถ้าหากว่าคำนั้นสามารถอ่านแบบโฟนิคส์ได้ หรือให้สะกดคำหากว่าคำนั้นเป็น Tricky Words อีกทางเลือกหนึ่งก็คือให้เด็กๆออกมาเล่นข้างนอกหากว่าคุณมีเครื่องเล่นเสียงด้านนอก วางบัตรคำกระจายบนพื้น และเปิดเพลง ในขณะที่เปิดเพลงก็ให้นักเรียนวิ่งและเต้นอยู่รอบๆ และเมื่อเพลงหยุด นักเรียนจะต้องไปหยิบบัตรคำและอ่านออกเสียงให้คุณครูฟัง เราชอบใช้เพลง “Yakety Sax” เพราะเพลงนี้ทำให้เด็กๆทุกคนได้ขยับร่างกายและออกลีลา อุปกรณ์ที่ต้องใช้ : ไวท์บอร์ด, เครื่องเล่นเพลง
Read Moreเกมสำหรับการสอนโฟนิคส์ : Phon-Eggs Surprise
เกมนี้เริ่มเล่นโดยการเขียนเสียงหรือคำศัพท์และใส่ลงไปในไข่พลาสติก และนำไข่ไปซ่อนในที่ต่างๆเพื่อให้เด็กๆตามหา เกมนี้เป็นการกระตุ้นก่อนการเรียนที่ดีเพราะเด็กๆจะตื่นเต้นกับการค้นหาไข่ อีกทั้งยังสามารถใส่ของเล่นเล็กๆลงไปในไข่บางใบได้เพื่อเพิ่มความสนุกสนาน กิจกรรมนี้เหมาะสมสำหรับเด็กเล็ก แต่ถ้าหากว่าเด็กๆยังเปิดไข่เองไม่ได้ คุณครูอาจจะต้องเก็บไข่ทั้งหมดมาและช่วยเปิดให้กับเด็กๆ ไข่แต่ละสีจะมีความแตกต่างในเรื่องของความยากง่ายของคำ ซึ่งเราสามารถเจาะจงให้เด็กบางคนหาเฉพาะไข่สีใดสีนึงได้เพราะเราสามารถกำหนดคำศัพท์ข้างในไข่ให้อยู่ในระดับเดียวกับการอ่านของเด็กๆได้ อุปกรณ์ที่ต้องใช้ : ไข่พลาสติก, ตะกร้า, บัตรคำ
Read More