น้ำตาลฟรุกโตส ความหวานที่โหดร้าย (Fructose)
ถ้าหากน้ำตาลฟรุกโตสไม่ดี แล้วฉันไม่ต้องให้ลูกๆดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แทนรึไง ? คำตอบ – คือ ไม่ใช่ อย่างแน่นอนค่ะ แล้วเราจะทำต้องทำอย่างไรล่ะที่จะไม่ทำร้ายตัวเองและลูกน้อยของเรา
หลายๆ คนคงรู้กันว่าที่โรงเรียนของเรา (British Early Years Centre) ให้ความสำคัญเกี่ยวเรื่องอาหารการกินมาก การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพในแต่ละมื้อของเด็กๆ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งในประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ Jamie Oliver เชฟทำอาหารชื่อดังได้ออกมาเชื้อเชิญให้ผู้คนใส่ใจในเรื่องอาหารการกินของเด็กๆ เราทุกคนต่างก็รู้เกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินที่ดีต่อสุขภาพกันบ้าง แต่สำหรับบล็อกนี้เราจะชี้ให้เห็นถึง “ปัญหาที่คนส่วนใหญ่มองข้ามไป”
เรามาทำความรู้จักกับน้ำตาลฟรุกโตสกันหน่อยดีกว่า น้ำตาลฟรุกโตสมีอยู่ในอาหารเยอะแยะมากมายไม่ว่าจะเป็นของว่าง หรือ เครื่องดื่ม ถ้าหากคุณยังคิดไม่ออกว่ามีอะไรบ้างก็ให้ลองย้ำเข้าไปดูใน 7-11 บ้านเรานั้นแหละค่ะ แทบจะทุกอย่างในเซเว่น ล้วนมีส่วนผสมของน้ำตาลฟรุกโตสทั้งนั้น แต่ก่อนฉันเคยชอบดื่มชาเขียว โออิชิ (Oishi) มาก แต่เมื่อฉันรู้ว่ามันมีส่วนผสมของน้ำตาลในปริมาณที่เยอะขนาดนั้นฉันก็เลยเปลี่ยนมาดื่มฟูจิ (Fuji) แทน กว่าฉันจะชินกับรสชาติของฟูจิ ก็ใช้เวลาพอสมควร เพราะตอนนั้นฉันติดความหวานของโออิชิมาก
น้ำตาลก็เปรียบเสมือนยาเสพติด เมื่อเราได้รับความหวานจากน้ำตาลในปริมาณที่เยอะและบ่อยครั้ง สมองของเราก็จะเริ่มชินกับความหวานและขาดมันไม่ได้ เมื่อเรากินของหวานเราก็จะรู้สึกมีพลัง นั้นคือพฤติกรรมการเสพติดน้ำตาล เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่ผู้คนเริ่มให้ความสำคัญเกี่ยวกับน้ำตาลที่สามารถทำร้ายคุณได้อย่างคาดไม่ถึง.. อย่างไรก็ตามนักออกแบบผลิตภัณฑ์ของบริษัทใหญ่ๆต่างก็ป็นคนที่เฉลียวฉลาดเหลือเกิน และอย่างยิ่งในประเทศไทยที่ไม่มีการบังคับใช้กฎหมายที่แข็งแรง บริษัทต่างๆเหล่านั้นเลยเลยฉวยโอกาสตรงนั้นในเรื่องการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและทำให้มันดูน่าเชื่อถือและให้ผู้คนคิดว่าแท้จริงแล้วน้ำตาลดีต่อสุขภาพของเรา แต่ความเป็นจริงแล้ว พวกเขาไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับสุขภาพของเราอย่างที่เขาโฆษณาหรอกค่ะ
ฟรุกโตสคือน้ำตาลเทียมที่เพิ่งได้รับความนิยมไม่นานนัก มีการโฆษณาเกี่ยวกับฟรุกโตส ว่าเป็นน้ำตาลธรรมชาติ ทำมาจากผลไม้ เมื่อเราได้ยินอย่างนั้นก็ย่อมคิดว่า ผลไม้มีประโยชน์ต่อเราใช่ไหมละคะ ? ที่จริงมันก็ใช่นะ แต่ไม่ใช้ฟรุกโตส ในขณะเดียวกันเครื่องดื่มกระหายร้อนตอนนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นน้ำผลไม้ และน้ำตาลฟรุกโตสที่บอกว่ากลั้นออกมาจากผลไม้ แต่กลับไม่มีวิตามินหรือหรือคุณประโยชน์แต่อย่างได ให้ลองคิดอย่างนี้นะคะ ถ้าสมมุตว่าคุณซื้ออะไรมาที่บอกว่ามีส่วนผสมที่เป็นประโยชน์ 90% และอีก 10% คือสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกาย ลองมองกลับกันกับน้ำตาลน้ำตาลฟรุกโตส 90% ที่ว่าดีไม่มีเลยค่ะ ส่วนอีก 10% นั้นก็มีแต่ส่งผลเสียให้ร่างกายของเรา น้ำตาลฟรุกโตสเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกายของเราแม้แต่น้อย อีกทั้งมียังส่งผลเสียให้กับเราอีกด้วย ได้ยินอย่างนี้แล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้างคะ หรือว่าอยากไปซื้อโออิชิมากินทันนี้ อิอิ
เมื่อร่างกายของเราได้รับน้ำตาลฟรุคกโตสมากๆ สิ่งต่อไปที่จะตามมาคือการทำงานของตับสู่กระเพาะอาหาร การได้รับประทานผลไม้สดในปริมาณที่น้อยนิดยังดีกว่าการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลฟรุกโตสมาก เพราะการดื่มเครื่องที่มีส่วนผสมของฟรุกโตสมากขนาดนั้นจะส่งต่อการทำงานของตับและสามารถพัฒนาสู่ผลกระทบเหมือนกับการเสพติด
จากการวิจัยของ แพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาวอร์ด
“ตับจะสร้างไขมันเมื่อได้รับน้ำตาลฟรุคโตสและแป้ง กระบวนการนี้เรียกว่า Lipogenesis เมื่อตับของเราได้รับน้ำตาลฟรุกโตสในปริมาณที่เยอะและละอองไขมันจากความหวานมันก็จะเริ่มเก็บสะสมไว้ในเซลส์ตับ การเกิดขึ้นอย่างนี้เรียกว่า ไขมันสะสมคั่งในตับ (Non-Alcoholic Fatty Liver Disease)” มันก็ไม่ต่างอะไรกับตับของผู้ที่เสพติดแอลกอฮอล์เลยค่ะ
อีกอย่างบริษัทโฆษณาต่างๆ มักจะมีการโฆษณาที่เกินจริงและพยายามปกปิดปริมาณที่แท้จริงของน้ำตาลฟรุกโตสในเครื่องดื่ม ตัวอย่างเช่น ชาเขียวโออิชิ (Oishi) รสดั่งเดิม เครื่องดื่มตัวนี้มีปริมาณสุทธิ 500 มิลลิลิตร/น้ำตาลฟรุกโตส 6% ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมาก แต่เมื่อคุณลองคิดดีๆ มันประกอบไปด้วยน้ำตาลฟรุกโตสสุทธิ 30 กรัม ส่วนคำแนะนำที่ดีในการรับประทานน้ำตาลสำหรับเด็กไม่ควรเกิน 12 กรัมต่อวัน แต่นี้เกือบจะสามเท่าของปริมาณที่แนะนำ
มันเป็นสิ่งที่แก้ยากพอสมควรนะคะ เพราะไม่มีอะไรสามารถทดแทนน้ำตาลได้ วิธีที่ดีที่สุดที่จะแก้การเสพติดน้ำตาลคือการที่เราเริ่มบริโภคเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลน้อยลง เมื่อเราสามารถหยุดกินน้ำตาลในปริมาณที่เยอะ ร่างกายของเราก็จะหยุดเรียกหาน้ำตาล นั้นคือ การหยุดบริโภคน้ำตาลน้อยลง น้อยลง จนกระทั้งคุณเลิกดื่มได้สนิท และไม่ดื่มอีกต่อไปค่ะ หวังว่าทุกๆ จะสามารถทำกันได้นะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าของเรา และไม่เสี่ยงโรคต่างๆ อีกด้วย