Uncategorized

  การอ่านหนังสือด้วยบิงโก ( Reading With Bingo )                     เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เด็กชอบที่จะเล่นและก็เป็นเกมที่ง่ายสำหรับการเรียนรู้ของเด็กๆ  โดยการพริ้นแบบบิงโกตามจำนวนช่องที่ต้องการ จากนั้นก็เคลือบกระดาษ เพราะการเคลือบกระดาษจะช่วยให้เด็กสามารถใช้ปากกาเมจิกเขียนลงบนแผนกระดาษได้และง่ายต่อการลบออก หรือ ถ้าคุณมีเวลาก็สามารถทำเป็นรูปภาพตัวละครตัวจากนิทานเรื่องโปรดของเขา แต่ถ้าเวลาไม่อำนวยมากก็สามารถทำเป็นอะไรก็ได้ เด็กๆเขาชอบเล่นบิงโกอยู่แล้วค่ะ เลข (Math) – คุณสามารถเล่นโดยการให้ตัวเลขหรือหาค่าซัมได้เหมือนกัน อาจจะเป็นการผลลัพธ์ที่ไม่ยากเกินไป อย่างเช่น 5+4 จากนั้นให้เด็กหาเลข 9 หรือจะทำเป็นชื่อของรูปร่างต่างๆ  เด็กๆจะชอบการเรียนผ่านการเล่นแบบนี้มากค่ะ การออกเสียง (Phonics) – ในตัวอย่างนี้เราจะใช้คำลวงหรือคำใบ้ หรืออาจจะเป็นการออกเสียงวันละคำ อย่างเช่น oi – boil, soil, coil เป็นต้น สำหรับเด็กที่เล็กลงมาหน่อยก็อาจจะใช้เสียงแรกของคำศัพท์ก็ได้ค่ะ

ทำอย่างไรให้ลูกน้อยจดจำเสียงได้เยอะๆนะ (Sound Recognition)           สำหรับเด็กๆ ในวัยเจริญเติบโต เราจะปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นเกมที่ง่ายขึ้นแต่ยังคงความสร้างสรรค์ไว้ ในการสอนเกี่ยวกับเสียงเราจะใช้การสอนโดยการเขียนตามเส้นประและพร้อมทั้งความหมายของมัน เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กสามารถจำเสียงได้ตามความหมายของมันง่ายขึ้น สำหรับเสียงของ H เราจะใช้ฟาง (Hay) เป็นความหมายของมัน และนำฟางมาติดไว้กับตัวอักษรตัวนั้น สำหรับเสียงของ A เราใช้ เมล็ดแอปเปิล (Apple seeds) และยังฝึกให้นักเรียนได้ฝึกนับได้อีกด้วย สำหรับเสียงของ N เราก็ได้สร้างรังนก (Nests) เพราะเรากำลังเรียนกันเรื่องที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่างๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสอนเรื่องราวที่สามารถโยงไปอีกเรื่องที่คล้ายคลึงกันได้

เกมตกปลา (Fishing For Sounds)  การเล่นเกมเริ่มจากการประดิษฐ์รูปปลาด้วยกระดาษและติดเสียงสระหรือคำต่างๆ ไว้บนตัวปลาและใช้แม่เหล็กเป็นเหยื่อตกปลา จากนั้นให้นักเรียนพยายามตกปลาตัวที่มีเสียงหรือคำที่คุณครูออกเสียง นักเรียนทั้งห้องสามารถเล่นด้วยกันหรืออาจจะแบ่งกลุ่มให้เด็กๆ ฝึกอ่านคำและเสียงใหม่ก็เป็นความคิดที่ดีค่ะ           เพื่อให้กิจกรรมน่าตื่นเต้นและเข้มข้นขึ้น คุณครูสามารถบอกให้เด็กๆ ตก ปลาตัวที่มีคำหรือเสียงที่ยากขึ้นมากอีกหน่อยหนึ่ง วิธีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถพัฒนาเรื่องการออกเสียงและรู้คำศัพท์มากขึ้น

เกมต่อคำด้วยลูกเต๋า (Phonics Multilink Cubes) กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ดีสำหรับเด็กๆ ในวัยแห่งการเรียนรู้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวคะ โดยคุณครูจะให้การ์ดรูปภาพพร้อมทั้งคำศัพท์แยกกันแล้วให้น้องๆ นำลูกเต๋ามาเรียงต่อกันตามคำศัพท์ใต้ภาพ กิจกรรมนี้จะช่วยพัฒนาความสามารถในการเขียนของพวกเขาได้เป็นอย่างดี สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อการ์ดรูปภาพได้จากหลายๆเว็บไซต์ หรือดาวโหลดจากเว็บไซต์การเรียนรู้ได้เลยค่ะ

เกมการจับคู่เป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถฝึกให้เด็กๆ สามารถอ่านหนังสือได้ด้วยตัวเอง โดยคุณครูให้นักเรียนอ่านหัวข้อและหารูปภาพที่สอดคล้องกัน เพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับการเรียนรู้ของเด็กๆ เราอาจจะแบ่งเป็น 2 ทีมและแข่งกันจับคู่ ความยากง่ายของคำสามารถค้นหาได้หลายแหล่งจากอินเตอร์เน็ต ช่างเป็นเกมการอ่านที่ดีสำหรับเด็กๆ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเป็นนักอ่านที่ดีทีเดียวค่ะ

การสอนโฟนิคส์ด้วยเกม : เกมลูกเต๋าโฟนิคส์ ( Phonics Dice ) สำหรับผู้ที่สนใจอยากให้ลูกๆ หลานๆ ได้ฝึกทักษะการออกเสียง สามารถเอาเกมนี้ไปเล่นกับลูกๆ ได้ค่ะ           เกมนี้ชื่อว่า‘ลูกเต๋าโฟนิคส์’ ลูกเต๋าโฟนิกส์สามารถหาซื้อออนไลน์ได้ในหมวดเครื่องเขียน หรือถ้าอยากได้เป็นลูกเต๋าที่สามารถนำมาพับเองได้ก็หาง่ายเหมือนกันและราคาก็ถูกกว่าด้วย การสอนโฟนิคส์โดยการนำลูกเต๋ามาประกอบการเรียนการสอนสามารถเป็นกิจกรรมที่สามารถช่วยพัฒนานักเรียนได้ดีทีเดียว และยังสามารถใช้สอนวิชาคณิตศาสตร์ได้อีกด้วย รวมถึงสอนการร้องเพลง หรือประวัติความเป็นมองลูกเต๋า เด็กๆสามารถพัฒนาการเรียนได้ดีถ้าหากมีการใช้ลูกเต๋าที่มีความแตกต่างกันบ้างในแต่ละกลุ่ม แต่ละกลุ่มอาจจะมีลูกเต๋าที่ประกอบไปด้วยการออกเสียงหรือคำศัพท์ที่ยากขึ้นมาอีกขั้นก็ได้ หรืออาจจะมีลูกเต๋าสักหนึ่งลูกที่ประกอบได้ด้วยเสียงสระและพยัญชนะเท่านั้น เป็นอีกหนึ่งเกมที่เด็กๆสามารถพัฒนาการออกเสียงและการใช้ภาษาในการสื่อสารและเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นมที่เราคิดว่ามีประโยชน์ที่สุดสำหรับร่างกายของเรา ใช่เรื่องจริงหรือเปล่า            นมจัดอยู่ในหมวดหมู่อาหารที่มีประโยชน์ในชีวิตประจำวันของเรามาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เมื่อเรานึกถึงการเจริญเติบโตของเด็กๆ นมก็ย่อมเป็นสิ่งที่ผุดขึ้นมาในความคิดของเราเป็นอันดับแรก เพราะผู้คนส่วนมากคิดว่านมคืออาหารที่มีโภชนาการสูงสุด แต่ทุกคนไม่คาดคิดว่าที่จริงแล้วนมก็มีด้านมืดของมันเหมือนกันคะ ฟังดูเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากเมื่อเรารู้ถึงผลกระทบที่แท้จริงของนมต่อร่างกายของเรา ก่อนอื่นเราลองมาพูดคุยกันถึงเรื่องของนมกันก่อนนะคะ “เห็นได้ชัดว่านมเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกายของเราเพราะว่า นมคือ เครื่องดื่มที่ไม่ได้ผลิตจากธรรมชาติ แต่มันคือนมที่เราได้มาจากวัวที่มีน้ำนมไว้สำหรับลูกวัว” มันก็ใช่นะคะ บางคนก็ว่า คนและวัวคือสิ่งมีชีวิตคนละสายพันธุ์กัน  เพราะฉะนั้นนมคงเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์เป็นแน่ เมื่อได้ยินอย่างนี้มันก็สามารถโยงมาถึงไข่ได้อีกว่า ไข่ก็คือวงจรการในการเจริญเติบโตของไก่ น่าขยะแขยง กินเข้าไปได้ยังไงกันแล้วมันมีประโยชน์จริงหรือเปล่า  เอ๊ะ..ใช่อย่างที่เค้าว่ากันหรือเปล่านะ? มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่อะไรมากมายที่เรามาแบ่งปันความคิดเห็นหรือถกเถียงกันเกี่ยวกับ ‘นม’ แต่ดิฉันขอสอดแทรกความจริงด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับ ‘นม’ สักนิด ความเชื่อที่ว่านมสามารถทำให้เด็กสูงขึ้นได้กลายเป็นเรื่องปกติมากสำหรับชาวเอเชีย ชักจะไม่ค่อยแน่ใจแล้วซิว่าความคิดนี้ได้เริ่มมาจากใครหรือที่ไหน ความคิดที่ว่าแคลเซียมสามารถเสริมสร้างกระดูกเป็นความเชื่อที่ผิด! แคลเซียมไม่สามารถยืดกระดูกของเราได้ และก็ไม่มีการพิสูจน์ได้แต่อย่างได้ว่าความเชื่อนี้เป็นเรื่องจริง พร้อมทั้งผลการวิจัยหลายๆเรื่อง ได้ผลลัพธ์ที่ตรงข้ามกับเรื่องนี้  ที่จริงแล้วการมีกระดูกที่แข็งแรงจริงๆ ไม่ได้มาจากการได้รับแคลเซียม แต่มันคือแมกนีเซียมต่างหาก แมกนีเซียมคือธาตุที่เสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรงขึ้น แคลเซียมและวิตามินดีจะมีมากในอาหารที่มีธาตุแมกนีเซียม ซึ่งแมกนีเซียมนี้แหละคือเป็นตัวเร่งการเจริญเติบโตของกระดูก  แมกนีเซียมคือ ธาตุที่สำคัญสำหรับกระบวนการทำงานของร่างกายเรา แต่ไม่ได้หมายความว่าแคลเซียมไม่จำเป็นต่อร่างกายของเรา แคลเซียมก็มีความสำคัญเช่นกัน แต่เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดต่อร่างกาย เราต้องได้รับทั้งแคลเซียมและแมกนีเซียมควบคู่กันไป มีหลายงานวิจัยได้แสดงให้เห็นถึงการดื่มนมในปริมาณที่มากเกินไปสามารถส่งผลประทบในการทำงานของระบบลำไส้ ถ้าโชคร้ายก็ถึงกับต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเชียวนะคะ ไม่เฉพาะแค่นั้น นมยังขัดขวางต้องการดูดซึมธาตุเหล็กเข้าสู่ร่างกายอีกด้วย ซึ่งนำไปสู่โรคโลหิตจาง…

ได้ยินครั้งแรก ก็ถึงกับตกใจค่ะ! น้ำผลไม้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพของเราไม่ใช่หรือ?  น้ำผลไม้เป็นเครื่องดื่มที่รสชาติที่เอร็ดอร่อย พร้อมทั้งวิตามินและโภชนาการมากมายที่ดีต่อสุขภาพ ลองคิดดูนะคะ ถ้าหากว่าน้ำผลไม้มาควบคู่กับจานอาหารเที่ยงแทนน้ำอัดลม  อาหารเที่ยงของเด็กๆจะกลายเป็นจานอาหารที่เต็มไปด้วยวิตามินจากน้ำผลไม้รสชาติต่างๆ นี่คือหนึ่งในหลักของการมีสุขภาพที่ดี แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งไหนดีและไม่ดี ฟังดูไม่ง่ายเลยกันเลยทีเดียว มาเริ่มกันที่น้ำผลไม้ที่เราเห็นกันทั่วไปตามท้องตลาด เมื่อผลไม้หล้นหลาย ตลาดน้ำผลไม้ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายมหาสารรวมถึงการแปรรูปน้ำผลไม้ด้วย แต่ก่อนน้ำผลไม้จะมีขายโดยการบรรจุใส่ถังไว้สำหรับทหารที่ไปออกรบในช่วงสงครามเพื่อรักษาความสมดุลของวิตามิน C ในร่างกาย  ไม่นานต่อมาน้ำผลไม้ก็กลายเป็นที่นิยมกันทั่วทุกๆบ้านเรือนและกลายเป็นส่วนสำคัญในการรับประทานอาหารจนทุกวันนี้ ความคิดนี้เริ่มตั้งแต่น้ำอัดลมถูกจัดจำพวกมาอยู่ในอาหารขยะหรือที่เราเรียกว่า Junk food นั้นเอง จากนั้นมาผู้คนจึงเริ่มเห็นถึงผลกระทบที่ไม่ดีของน้ำตาล เท่าที่ดิฉันจำได้ตอนเด็กๆ Um Bongos และ Ribenas บูมมากตอนที่มีการผลิตน้ำผลไม้แรกๆ  แต่น้ำผลไม้พวกนี้ไม่ได้เป็นน้ำผลไม้ที่ให้คุณค่าอย่างแท้จริงแต่เขาทำการตลาดเพื่อความสนุกเฉยๆ  เพราะส่วนมากแล้วไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ที่มีส่วนผสมของผลไม้ ผู้คนส่วนใหญ่มักจะเหมารวมว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เป็นอะไรที่น่าเศร้าที่ผู้คนเมื่อ 20 ปีที่แล้วไม่ได้มีไหวพริบที่ดีเทียบเท่ากับคนในปัจจุบันและไม่ได้มีอินเตอร์เน็ตเพื่อแบ่งปันความคิดเห็นเหมือนปัจจุบันนี้ เครื่องดื่มพวกนั้นมีการปรุงแต่งรสและกลิ่นเสียส่วนมากไม่ได้มีส่วนผสมของสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่แท้จริงมากนัก ฟังดูแล้วชักจะไม่แน่ใจนะคะที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้าใจถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้ดีในเรื่องการกินอย่างมีสุขภาพดี ธุรกิจน้ำผลไม้แบบนั้นก็ต้องปิดตัวลงในที่สุด เพราะธุรกิจน้ำผลไม้ที่มีส่วนผสมของน้ำผลไม้ 100% ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำเงินหลายพันล้านดอลล่า และยังมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ แล้วเราแน่ใจได้อย่างไรว่ามันมีประโยชน์จริงๆ เหมือนที่บอกไว้ข้างกล่อง บริษัทพวกนี้เก่งการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ฟังเหมือนแตกต่างได้สุดขั้วได้ดีจริงๆนะคะ อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตลาดน้ำผลไม้คือการโฆษณาว่าเป็นน้ำผลไม้ 100% แต่ก็ยังหลายคนที่ยังเชื่อในเรื่องนี้และยังไม่เข้าใจความหมายของสโลแกนที่ว่า น้ำผลไม้เข้มข้น 100% เพระมันต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงในการขนส่งน้ำผลไม้สดและน้ำผลไม้สดจริงๆก็จะไม่สดอีกต่อไปเมื่อผ่านกระบวนการคั้น เข้มข้น ณ ที่นี้หมายถึง…

โลกของเราจะเป็นอย่างไรอีก 20 ปีข้างหน้านะ ? อืม..เป็นคำถามที่ยากเหมือนกันนะครับ แค่คิดว่าเราจะไปอยู่ที่ไหนในอีก 5 ปีข้างหน้านี้ก็ถือว่ายากแล้ว ยิ่งการเปลี่ยนแปลงทางด้านวิทยาศาสตร์ก็ช่างรวดเร็วเกินที่จะตามได้ทัน และไหนจะมีข่าวกการคุกคามที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน แล้วลูกๆ ของเราจะรับมือกับเรื่องอย่างนี้อย่างไรล่ะ? จะมีสงครามเกิดขึ้นไหมนะ? หรือเราจะถูกบังคับให้อาศัยอยู่ในแค่ซีกโลก? หรือจะมีการจัดการแบบอณานิคมหรือการเดินทางแบบไร้สายแทนการเดินทางโดยเครื่องบิน ? แล้วเราจะมีงานทำกันรึเปล่า ? หรือทุกๆคนจะทำงานด้านเทคโนโลยีกันหมด ? แล้วมนุษย์จะกลายเป็นหุ่นยนต์ และ Michio Kaku จะกลายเป็นผู้นำด้านทฤษฎี รึเปล่า ในการบรรรยายนี้ เขาได้พูดถึงอนาคตที่จะตามมา และสิ่งที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นภายในปี 2030 และกับสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้นี้แล้วเราจะเตรียมตัวลูกๆกับอนาคตที่จะมาถึงได้อย่างไรในเมื่อเราเองยังไม่เข้าใจตัวเราเองดีที่สุดเลย คำตอบก็น่าจะเป็นว่าเราไม่สามารถทำอะไรได้ แล้วการศึกษาเราจะเป็นอย่างไรล่ะ? ฟังดูแล้ว การใช้ชีวิตของเราจะยากขึ้น แล้วเราจะมีวิธีเตรียมตัวกับลูกให้กับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ยังมาไม่ถึงละ ?  เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เหมือนกว่าสิ่งที่คุณเรียนมาจะกลายเป็นสิ่งที่ล่าสมัยมาก นั้นหมายความว่าสิ่งที่เราเรียนมาจะกลายเป็นสิ่งที่ล่าสมัยในที่สุด ไม่ว่าจะเป็น การอ่าน การเขียน คณิตศาสตร์  ซึ่งทั้งหมดนี้คือรากฐานของการศึกษาที่ดี ที่กำลังจะกลายเป็นแค่ความทรงจำ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็กำลังจะกลายเป็นแค่ผู้ที่ให้ความสะดวกสำหรับการค้นคว้ามากกว่าเป็นครูตามหลักสูตร TED talk ของ Sugata Mitra พูดถึงการทดลองชื่อว่า Hole in…