Uncategorized

ให้ลูกเลือกแปรงสีฟันเอง คุณให้ลูกเลือกแปรงสีฟันและยาสีฟันหรือเปล่าคะ การให้ลูกได้เลือกของใช้ส่วนตัวของเขาเองจะทำให้เขาอยากใช้มันมากขึ้น สลับกันแปรง ให้เขาได้แปรงฟันให้คุณด้วยถ้าหากคุณต้องการแปรงฟันให้เธอ ให้เขาคุ้นเคยกับแปรงสีฟันด้วยไอเดียที่สนุกสนาน ถ้าเป็นแปรงที่เขาไม่ชอบ คุณสามารถให้เขาได้เล่นกับแปรงที่เขาเลือกไปด้วยกัน  เพื่อให้เขาได้คุ้นเคยกับการจับแปรง เช่นให้เขาได้แปรงฟันให้เจ้าหมีน้อยสักตัวเพื่อให้เขารู้ว่าการแปรงฟันเป็นสิ่งที่จำเป็น  และรู้วิธีการใช้แปรงสีฟันอย่างถูกวิธี จากนั้นคุณสามารถให้เขาหัดใช้ไหมขัดฟันด้วยเมื่อเขาแปรงฟันเองได้แล้ว ทำให้การแปรงฟันเป็นกิจกรรมที่สนุก ตัวอย่างเช่น การแข็งขันกันแปรงฟัน และดูว่าใครสามารถแปรงได้นานกว่ากัน หรือการเล่นเป็นหมอฟันกับลูก ทำให้เขากลัว ถ้าหากว่าเขาไม่ยอมแปรงฟัน คุณสามารถบอกเขาว่า ถ้าไม่แปรงฟันก็จะผุ และหมอฟันก็จะต้องเจาะฟันเพื่อซ้อมแซมส่วนที่สึกหลอ เป็นเรื่องจริงที่น่ากลัว แต่ได้ผล For more information please visit: www.beyc.co.th

ทำไมฉันถึงเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ ? บางครั้งขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ของคุณ ในช่วง 3 เดือนแรก (Trimester) ของการอุ้มท้อง หรือ 6 สัปดาห์ คุณอาจจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะและคลื่นไส้ เพราะเมื่อคุณตั้งครรภ์ความดันโลหิตต่ำ เกิดจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงของผู้หญิง ที่ไปทำให้ผนังของหลอดเลือด ส่งผลให้ความดันต่ำ ในช่วง Trimester ที่ 2 และ 3 มดลูกของคุณจะขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งทำให้เกิดการทำงานหนักของหลอดเลือด และทำให้คุณรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกวิงเวียนศีรษะ : ถ้าหากว่าคุณลุกขึ้นยืนเร็วเกินไป เลือดของคุณอาจจะยังไม่วิ่งไปสู่สมอง ควรลุกขึ้นช้าๆ (ความดันเลือดต่ำขณะเปลี่ยนอิริยาบถ) 1 ใน 10 ของผู้ที่ตั้งครรภ์ประสบกับความตันต่ำเมื่อมีการนอนเป็นเวลานานเกินไป การปล่อยให้ท้องว่างเป็นเวลานาน ในช่วงบ่าย ทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำ มีธาตุเหล็กในเลือดต่ำ (ภาวะโลหิตจาง) ถ้าหากคุณอยู่ในสถานที่ที่ร้อนเกินไป อาการวิงเวียนศีรษะเป็นอาการที่ลมาควบคู่กับการตั้งครรภ์อยู่แล้ว  สามารถส่งผลกระทบให้ 75% ของผู้ที่ตั้งครรภ์ประสบกับอาการวิงเวียน ทำอย่างไรให้รู้สึกดีขึ้นจากอาการวิงเวียนศีรษะ ? มันขึ้นอยู่กับว่าอะไรทำให้คุณวิงเวียนศีรษะ แต่สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อเกิดอาการคือการนั่งพัก สามารถช่วยให้คุณไม่วูบ ล้มลง และรู้สึกดีขึ้นได้ เมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้ว สามารถลุกขึ้นยืนช้าๆ…

สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพ่อแม่สามารถทำได้ตอนนี้คือการให้ทารก นอนในห้องเดียวกับคุณก่อนในช่วง 6 เดือนแรก พ่อแม่สามารถให้ลูกนอนในบนฟูกเล็กๆได้และวางไว้ ใกล้ๆเตียงนอนจนกระทั่งเขาก้าวเข้าสู่เดือนที่ 2 เพราะก่อนหน้านี้ทารกยังไม่ชินกับการนอนห่างจากพ่อแม่ หรือจะเป็นนอนเปลซึ่งสามารถปรับให้สูงและต่ำได้ และวางไว้ใกล้ๆ เตียงนอนเพื่อให้สะดวกต่อการนอนของคุณและทารก รวมถึงในยามที่เขาต้องการความช่วยเหลือ เมื่อคุณพร้อมที่จะแยกให้ลูกนอนในที่นอนเปลคนเดียวได้แล้ว ก็สามารถเริ่มฝึกเขาอย่างช้าๆ เริ่มจากการวางเปลไว้ใกล้ๆ เตียงนอนคุณก่อนและค่อยๆวางให้ห่างออกไปทีละนิดๆ คุณอาจจะพบว่าบางครั้งที่เขาต้องประสบกับอาการหวัดหรือเหนื่อยล้า เขาก็จะไอหรือกรนตลอดทั้งคืนได้เช่นกัน เมื่อคุณสังเกตเห็นว่าลูกเริ่มนอนคนเดียวได้โดยไม่งอแงแล้ว คุณก็สามารถย้ายเขาไปยังห้องนอนอีกห้องหนึ่งได้ อีกวิธีหนึ่งคือ การติดตั้งกล้องวงจร (monitor) ไว้ในห้องนอนเขาและในห้องคุณด้วย เพื่อคอยสังเกตและเพื่อได้ยินเขา ในยามที่เขาต้องการความช่วยเหลือ คุณก็สามารถเข้าไปหาเขาได้ทันเวลา ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก BabyCentre UK

พัฒนาการของทารกอายุ 5 เดือน ลูกจะมีพัฒนาการในเรื่องใดบ้างในเดือนที่ 5 ? ลูกน้อยของคุณเริ่มที่จะแสดงออกเกี่ยวกับสิ่งที่เขาต้องการได้มากขึ้น เขาจะแสดงออกถึงความรักที่เขามีให้คุณโดยการกอด จูบ และยกแขนขึ้นเมื่อเขาอยากให้คุณอุ้มเขา คุณจะเห็นได้ว่าลูกของคุณจะมองคุณด้วยความตั้งใจในขณะที่เขาพูด เขากำลังเรียนรู้เรื่องภาษาอยู่ และเขาสามารถจำชื่อตัวเองได้ถ้าหากว่าคุณเรียกชื่อเขาได้บ่อยๆ ลูกสามารถนั่งเองได้หรือไม่ ? เดือนที่ 5 นี้พัฒนาการร่างกายของเขาพัฒนาได้เร็วๆมาก ถ้าหากว่าคุณวางลูกไว้บนตักคุณ หรือให้บนพื้น เขาสามารถนั่งได้โดยไม่ต้องประคองได้ แต่ไม่นานนัก คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยฝึกให้ลูกนั่งได้โดย จัดขาของเขาให้เป็นรูปตัววี V ซึ่งการนั่งอย่างนี้สามารถช่วยให้เขาทรงตัวได้ดี เมื่อเห็นว่าเขาพอจะทรงตัวได้แล้ว คุณสามารถเอาของเล่นมาวางไว้ตรงหน้าเขา แต่คุณก็ไม่ควรละสายตา พยายามอยู่ใกล้ๆ ช่วยประคองเมื่อเขาล้มตัวได้ ทำไมลูกถึงพูดคำเดิมๆ ซ้ำตลอดเวลา ? ลูกของคุณกำลังฝึกฝนความสามารถด้านภาษาของเขาอยู่ สิ่งที่เขาสามารถทำได้ตอนนี้คือการเป่าปาก หัดออกเสียงด้วยริมฝีปากของเขาเอา พ่อแม่อย่าเพิ่งใจร้อนหรือคาดหวังให้ลูกพูดได้เยอะกว่านี้นะคะ เพราะพัฒนาการทางด้านภาษาของเขาเป็นไปอย่างธรรมชาติค่ะ พัฒนาการทางด้านการมองเห็น ลูกของคุณสามารถจ้องมองสิ่งของเล็กๆได้แล้ว เช่น เมล็ดกรวดบนพื้น เขาสามารถตามสิ่งของเล็กที่เคลื่อนไหวได้แล้ว เช่น ผีเสื้อหรือแมลงปอ ที่ดึงดูดให้ลูกอยากจะไปเล่นด้วย ลูกสามารถจำสิ่งของที่เขาเคยเห็นได้ ถึงแม้เขาจะเห็นได้แค่ครึ่งเดียวก็ตาม ลูกสามารถจำชื่อตัวเองได้หรือไม่เมื่อเขาถูกเรียก? ลูกของคุณสามารถจำชื่อตัวเองได้แล้ว และเมื่อเขาได้ยินใครเรียกชื่อเขา เขาก็อาจจะมองหาเสียงนั้น บางครั้งเขาจะหันไปมองคุณเมื่อคุณเอ่ยถึงเขาให้เพื่อนคุณฟัง ถ้าสังเกตดีๆ…

ลูกจะมีพัฒนาการในเรื่องใดบ้างในเดือนที่ 4 ? ลูกน้อยของคุณเริ่มที่จะอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งรอบๆตัวเขา พ่อแม่ควรให้โอกาสเขาได้รู้จักสิ่งต่างๆ ด้วยการจับ สัมผัส สิ่งของต่างๆ เขาเริ่มที่จะถูกรบกวนได้ง่ายโดยสิ่งต่างรอบๆ ตัวเขา ฉะนั้นการป้อนข้าวป้อนน้ำเริ่มจะเป็นสิ่งที่ยากขึ้นแล้วหล่ะค่ะ เมื่อพัฒนาการทางด้านการมองของเขาได้พัฒนาแล้ว เขาจึงสามารถรู้จักการแยกแยะของเงาและสีต่างๆ ได้ เช่น สีแดงและสีส้ม แต่ทำไมลูกถึงเริ่มรับประทานอาหารน้อยลง ? ผ่านมาสองถึงสามเดือนแล้ว กระเพาะอาหารของเด็กก็เริ่มจะใหญ่ขึ้น  นั้นหมายความว่าเขาสามารถดื่มนมได้เยอะในหนึ่งมื้อ คุณไม่จำเป็นต้องป้อนให้เขาบ่อยนัก เขาอาจจะดื่มนมแค่ 4 -5 ครั้งต่อวัน แต่น้ำหนักตัวของเขาจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คุณอาจจะสังเกตได้ถึงการสนอกสนใจของเด็กต่อสิ่งเคลื่อนไหวรอบๆตัวเขา จึงทำให้ยากต่อการป้อนอาหารให้เขา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่เห็นเขาตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ รอบๆตัว แต่การให้นมลูก (นมแม่หรือจากขวดนมก็จะกลายเป็นเรื่องยาก) ถ้าหากว่าลูกของคุณถูกรอบกวนได้ง่ายและบ่อยเกินไป อาจจะหาที่เงียบๆ ให้เขาพักสมาธิและดื่มนมก็ดีค่ะ เมื่อไหร่ที่ลูกพร้อมที่จะรับประทานอาหารแข็งได้ ? คุณอยากจะให้ลูกได้รับประทานอาหารขบเขี้ยวแล้วใช่ไหมล่ะค่ะ ช้าก่อน อย่างดีที่สุดสำหรับเดือนนี้คือการป้อนนมแม่ หรือ นมผงก่อน จนกระทั้งเขาย่างเข้าสู่เดือนที่ 6 เมื่อถึงเวลานั้น ลูกของคุณจะได้รับโภชนาที่เขาต้องการจากนมแม่และนมผงหมดแล้ว จะปลอดภัยกว่าถ้าหากว่าคุณรอให้ลูกอายุครบ 6 เดือนก่อนถึงจะให้เขาได้ลองเคี้ยวอาหารแข็ง เพราะอะไร? เขาจะไปหยิบจับเชื้อโรคจากอาหาร เพราะระบบย่อยอาหารของเขายังไม่แข็งแรงพอ มีการตอบสนองที่ไม่ดีต่ออาหาร เพราะระบบภายในของเขายังไม่แข็งแรงพอ การรอให้เขาได้อายุครบ…

ทารกมักจะนอนหลับสนิทและยาวนานได้ในห้องนอนที่อุณหภูมิที่ 16-20 องศาเซลเซียส แต่ถ้าหากว่าอากาศข้างนอกร้อนมาก คุณอาจจะต้องปรับอุณหภูมิที่เหมาะกับสภาพอากาศ ควรให้ลูกสวมเสื้อผ้าอย่างไรเมื่ออากาศร้อน ? มันขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วยว่าเป็นอย่างไร อย่างแรกที่สำคัญเลยคือการเอาสิ่งของต่างๆ ที่ไม่จำเป็นออกจากเตียง สำหรับอุณหภูมิห้อง 24 C และคุณให้ลูกสวมผ้าอ้อม เสื้อกล้าม หรือชุดนอนที่ใส่สบายอยู่แล้ว คุณก็สามารถปูแค่ผ้าปูเตียงให้ลูกนอนบนพื้น และถ้าหากว่าเขายังร้อนอยู่ สามารถสวมแค่ผ้าอ้อมค่ะ สามารถเอาเบอะรองรอบๆ ตัวเขาออก และควรเปิดหน้าต่างให้กว้างในหลายๆ ห้อง เพื่อให้อากาศได้ถ่ายเท และรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น        ทำอย่างไรให้ลูกรู้สึกเย็นขึ้นในห้องนอน ? คุณสามารถเปิดพัดลมได้เพื่อให้ห้องนอนเย็นขึ้น แต่พยายามอย่าให้พัดลมเป่าตรงหน้าลูก และก็วางให้ห่างไกลจากการเอื้อมถึงของลูก การได้แขวนผ้าเปียกไว้บนเก้าอี้หรือหน้าต่างเมื่อหายใจไม่ออก น้ำจะระหายและทำให้อากาศเย็นขึ้น ควรจะเอาผ้าปูที่นอนกันน้ำออกจากเตียงนอนในช่วงที่อากาศร้อน สามารถใช้ผ้าอ้อมหลายๆ ผืนซ้อนกันแทนผ้าปูกันน้ำ ปิดผ้าม้านไว้ตอนกลางวันเพื่อไม่ให้ความร้อนเข้ามาในห้องนอน ถ้าหากว่าลูกเผลอหลับบนรถเข็น ไม่ควรละสายตา เพราะลูกจะรู้สึกร้อน และไม่ควรทิ้งให้ลูกนอนหลับในรถ ถึงแม้จะเปิดหน้าต่างรถไว้ก็ตาม เพราะอากาศในลานจอดรถสามารถร้อนขึ้นได้อย่างรวดเร็ว Source: Babycentre.co.uk Visit us: www.beyc.co.th

         หลายๆ คนสงสัยว่าการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์ปลอดภัยต่อทารกหรือตัวคุณแม่เองหรือเปล่า วันนี้เรามีคำตอบให้คุณแม่ และคุณพ่อสบายใจหายห่วงค่ะ  การมีเซ็กซ์ระหว่างตั้งครรภ์ รับประกันได้เลยว่าปลอดภัย ถ้าหากว่าคุณไม่เคยมีปัญหาระหว่างตั้งครรภ์ ก็ปลอดภัยที่คุณและคู่ครองจะมีเพศสัมพันธ์ เมือกที่ถูกดูดเข้าไปในปากมดลูกจะช่วยปกป้องทารกจากการติดเชื้อ  ถุงน้ำคร่ำและกล้ามเนื้อที่แข็งแรงของมดลูกก็จะทำให้ทารกปลอดภัย อวัยวะเพศชายจะไม่ส่งผลกระทบถึงทารกในท้องในขณะมีเพศสัมพันธ์ คุณอาจจะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของลูกเล็กน้อยเมื่อมีการถึงจุดสุดยอด ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวล การตอบสนองของทารกจะส่งผลให้หัวใจของคุณเต้นเร็วขึ้น แต่ไม่มีผลกระทบใดต่อทารก คุณอาจจะเคยได้ยินว่าการมีเพศสัมพันธ์สามารถทำให้มีการคลอดก่อนกำหนด เป็นความเชื่อที่ผิด ถ้าหากว่าคุณไม่เคยมีประวัติการคลอดก่อนกำหนดมาก่อน ถ้าหากว่าร่างกายของคุณยังไม่พร้อมที่จะคลอด การมีเพศสัมพันธ์จะไม่ทำให้คุณมีการคลอดก่อนกำหนด (Premature birth) แต่ความจริงแล้วถ้าหากว่าคุณมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์จะทำให้คุณห่างไกลจากการคลอดก่อนกำหนดเสียด้วยซ้ำ แต่ก็มีผลกระทบที่เกิดขึ้นระหว่างมีเพศสัมพันธ์บางอย่างที่คุณควรจะระมัดระวัง ถ้าหากว่าคุณเคยมีเลือกตก หรือเลือดออกกระปริดประปรอยในช่วงไตรมาสแรก แพทย์ของคุณอาจจะแนะนำให้คุณมีเพศสัมพันธ์ได้หลังจาก 14 สัปดาห์ไปแล้ว ในบางกรณีแพทย์อาจจะบอกให้คุณหยุดการมีเพศสัมพันธ์ถ้าหากว่าคุณเคยมีประสบการณ์เหล่านี้มาก่อน: มดลูกไม่แข็งแรง ภาวะรกเกาะต่ำ มีเลือดตกเยอะ มีการติดเชื้อในช่องคลอด Source: Babycentre.co.uk Visit us: www.beyc.co.th

ลูกมีความสามารถในเรื่องใดบ้าง ? ทารกของคุณได้ฝึกตัวเองอย่างหนักมากเพื่อให้ตัวเขาเองเป็นเด็กที่นิ่ง ทั้งกล้ามเนื้อศีรษะและกล้ามเนื้อคอของเขาก็เริ่มแข็งแรงขึ้น และการเรียนรู้ก็กำลังพัฒนาขึ้นเร็วๆ นี้ ทารกชอบที่จะเห็นตัวเองพบกับวิธีการเรียนรู้ใหม่ๆ ทารกของคุณจะอยากคุยกับคุณ ฉะนั้นคุณก็สามารถช่วยเขาพัฒนาความสามารถในด้านการใช้ภาษาของเขาได้โดยการใช้พูดคุยกับเขาบ่อยๆ บอกเขาถึงสิ่งที่คุณทำอยู่ให้เขาได้คุยเคยกับและฝึกความสามารถในการฟัง เมื่อไหร่ที่ลูกสามารถยกศีรษะได้เอง ? ลูกน้อยของคุณจะแข็งแรงขึ้น ความเปลี่ยนแปลงในเดือนนี้มีอะไรบ้าง ลูกของคุณอาจจะยกศีรษะของเขาได้ในขณะที่นอนหงาย และยกค้างไว้ได้หลายนาที ถ้าหากว่าเขานอนคว่ำอยู่ คุณอาจจะเห็นเขายกศีรษะและหน้าอกขึ้น คุณอาจจะพยายามให้เขาหยิบของเล่นในมือคุณ เมื่อไหร่ที่ลูกสามารถพลิกตัวได้ ? ถ้าหากว่าคุณวางทารกในท่านอนหงาย เขาอาจจะแสดงความสามารถใหม่ที่น่าทึ่งของเขาด้วยการพลิกหงายให้คุณเห็น เพราะว่าสะโพก เขาและข้อศอกของเขาเริ่มจะแข็งแรงขึ้นและยืดหยุ่น ทารกของคุณจะเรียนรู้เกี่ยวกับการพลิกตัวเองได้โดยที่เราไม่ทันเห็นได้ ฉะนั้นคุณจึงไม่ควรทิ้งให้ลูก คุณอาจจะสังเกตทารกของคุณโบกแขนและขาของเขาด้วยความร่าเริง และถ้าหากว่าคุณอุ้มขาและให้ขาของเขาแตะพื้น เขาก็อาจจะเริ่มผลักขาของเขาให้ก้าวไปข้างหน้าได้แล้ว เวลานอนของลูกจะเป็นอย่างไรบ้างในช่วงเวลากลางคืน ? จากจุดนี้ จากที่คุณไม่ได้หลับอย่างเพียงพออาจจะดีขึ้น ในช่วงอายุ 3 เดือน ถึง 4 เดือน ตารางการนอนของเขาเริ่มจะเข้าที่ ทารกบางคนในวัยนี้ สามารถนอนหลับได้สนิทในตอนกลางคืน อย่างไรก็ตาม เด็กๆ หลายคนจะไม่สามารถนอนหลับได้สนิทในตอนกลางคืนจาก 3 เดือน ถึง 6 เดือน แต่สักพักเขาก็สามารถปรับตัวได้ ทารกสามารถเริ่มมีความผูกพันกับพ่อแม่หรือยัง ? สำหรับทารกอายุ…

อะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับลูกๆ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ กลัวลูกจะเป็นอันตรายด้วยความไม่รู้เท่าทันสิ่งต่างๆรอบๆตัวเขา ยิ่งมีข่าวต่างๆเกี่ยวกับเด็กยิ่งทำให้พ่อแม่ทุกคนตื่นตระหนก เป็นฝันร้ายของพ่อแม่กันเลยทีเดียวค่ะ ฉะนั้นเราก็ต้องไม่ปล่อยเลยตามเลยอีกแล้ว ถึงเวลาที่ลูกๆต้องเรียนรู้ไว้ความปลอดภัยเบื้องต้น กันแล้ว เรามาเริ่มจากการสอนลูกๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยออนไลน์ อันตรายภายในบ้านและวิธีจัดการกับสถานการณ์ที่ต้องติดต่อกับคนแปลกหน้า ยิ่งถ้าหากว่าคุณเริ่มพูดคุยกับลูกๆในเรื่องนี้ ลูกๆ ก็จะได้รู้จักวิธีการป้องกันตัวดีกว่า มีกฎและตัวช่วยบ่งบอกวิธีรักษาความปลอดภัยไว้ในบ้านเพื่อป้องกันความเสี่ยงอื่นๆ ไม่ให้เกิดขึ้น มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง ดูให้ดีทั้งสองฝั่ง ความปลอดภัยบนท้องถนน คือสิ่งที่เด็กๆ ควรรู้ อย่างเช่น เวลาเดินไปโรงเรียน การสอนให้เด็กๆ รู้จักกฎจราจรต่างๆ บนท้องถนน การมองทั้งสองฝั่งก่อนข้ามถนนเป็นเรื่องที่สำคัญมากเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขาเสมอ ไม่ควรลงข้อมูลส่วนตัวออนไลน์ เด็กในปัจจุบันนี้เริ่มใช้คอมพิวเตอร์ตอนอายุยังน้อยฉะนั้น ความปลอดภัยเกี่ยวกับออนไลน์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยเฉพาะข้อมูลที่พวกเขาไม่ควรแบ่งปัน เช่น โรงเรียนของเขา ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ ที่ไม่ควรแบ่งปัน ไม่ควรเล่นกับไม้ขีดไฟ มีดหรือปืน เมื่อเด็กๆ พบสิ่งของต่างๆ ในบ้านและพวกเขา จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับอันตรายของสิ่งของเหล่านั้น และควรจะเชื่อฟังพ่อแม่เกี่ยวกับคำเตือนของเขา ความลับไม่มีในโลก ควรสอนลูกว่า สิ่งที่สำคัญในบ้านของเราเพื่อรักษาความปลอดภัย คือ เราไม่ควรเก็บเรื่องต่างๆ ไว้เป็นความลับ ไม่ควรเก็บสิ่งๆต่างๆ ไว้เป็นความลับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ลูกๆ ไม่ควรปิดบังอะไรจากพ่อแม่ เรียนรู้วิธีและเมื่อไหร่ที่จำเป็นต้องใช้ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งที่เด็กๆ…

คุณสามารถดื่มด่ำไปกับกาแฟแก้วโปรดของคุณได้เสมอขณะตั้งครรภ์ แต่ไม่ควรดื่มกาแฟที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนมากกว่า 200 มิลลิกรัม ต่อวัน  สามารถดื่มกาแฟสำเร็จรูปได้ 2 แก้ว หรือกาแฟสด  1 แก้ว ถ้าหากว่าคุณดื่มกาแฟที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนมากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อวันขณะที่คุณตั้งครรภ์อยู่ คุณจะมีความเสี่ยงต่อการแท้งลูกได้หรือทารกในท้องจะมีน้ำหนักตัวที่น้อยมากเมื่อคลอดออกมา ทารกที่มีน้ำหนักตัวน้อยเมื่อคลอดออกมาจะมีความเสี่ยงสูงต่อสุขภาพร่างกายเมื่อเขาโตขึ้น 200 มิลลิกรัมของคาเฟอีนนี้รวมไปถึง ชา (ชาเขียว), โค้ก (Cola), เครื่องดื่มชูกำลัง (Energy drinks) รวมไปถึง ช็อกโกแลต (Chocolate) กาแฟที่มีคาเฟอีนเยอะที่สุดคือ เอสเพรสโซ่ (Espresso) และกาแฟชนิดเอสเพรสโซ่ เช่น คาปูชิโน่ (Cappucinos) และลาเต้ (Lattes) ขึ้นอยู่กับปริมาณด้วย มีการวิจัยออกมา ว่าระดับปริมาณของคาเฟอีนในเอสเพรสโซ่ 1 แก้วมี 50 มิลลิกรัม แต่คาเฟอีนในแก้วที่สองสามารถพุ่งขึ้นสูงถึง 300 มิลลิกรัม ถ้าหากว่าคุณจำเป็นต้องลดปริมาณคาเฟอีน สามารถเปลี่ยนจากการดื่มกาแฟสดมาเป็นกาแฟสำเร็จรูป เพราะกาแฟสำเร็จรูปมีส่วนประกอบของคาเฟอีนน้อยกว่า หรือคุณสามารถลดการรับสารคาเฟอีนได้จากการใส่กาแฟสดแค่ครึ่งช้อนชาต่อแก้ว กาแฟดีแคฟ ( Decaffeinated coffee)…