โรงเรียนที่ดีที่สุดในกรุงเทพมหานครคือโรงเรียนไหน?

Child plays in the sand at British Early Years Centre International kindergarten in Bangok

โรงเรียนที่ดีที่สุดในกรุงเทพมหานครคือโรงเรียนไหน?

มีผู้ปกครองหลายท่านได้สอบถามกับทางเราว่าควรจะส่งบุตรหลานไปเรียนต่อยังโรงเรียนใดดีหลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนบริติช เออร์ลี่ เยียรส์ เซ็นเตอร์ ซึ่งคำถามนี้ก็เป็นคำถามที่ตอบได้ยากเนื่องจากเราได้ตั้งมาตรฐานของโรงเรียนเราไว้สูงมากและเราก็คงจะไม่ทำสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ในตอนนี้ หากว่าไม่เชื่อว่าเราก็เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่ดีที่สุดเช่นกัน ความคิดเห็นส่วนใหญ่ของเราว่าโรงเรียนไหนเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดนั้นมาจากการที่เราได้รู้จักกับบุคลากรที่ทำงานอยู่ในโรงเรียนต่างๆซึ่งโรงเรียนจะดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคุณครูที่สอนอยู่ที่โรงเรียนนั้นๆ และคุณครูเหล่านั้นแหละที่จะทำให้โรงเรียนธรรมดาๆ กลายเป็นโรงเรียนที่ยอดเยี่ยมได้

สิ่งที่จะทำให้คุณรู้ว่าโรงเรียนนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดหรือไม่นั้น คุณต้องรู้ก่อนว่าคุณอยากให้บุตรหลานของคุณได้รับอะไรและคุณต้องทราบว่าบุตรหลานของคุณ เหมาะกับการเรียนรู้แบบไหน ทุกโรงเรียนต่างก็บอกว่าโรงเรียนของพวกเขานั้นเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุด และบ่อยครั้งที่เราจะเห็นว่าพวกเขาจะใช้สโลแกนที่ทันสมัย เช่น “การเรียนรู้ที่ให้เด็กเป็นศูนย์กลาง” หรือสโลแกนด้านการศึกษาที่พวกเขานำมาใช้กันบ่อยๆเช่น “ความสามารถรอบด้าน”อีกทั้งพวกเขาก็ยังชอบพูดประโยคที่ท่องจำมาว่า  “คุณต้องจองที่ไว้ก่อนเพราะปีหน้าที่จะเต็ม”  หรือ “คุณต้องรีบเพราะทางโรงเรียนเหลือที่ว่างอีกแค่หนึ่งที่เท่านั้น” ซึ่งคุณจะได้เห็นการขายซึ่งๆหน้าแบบนี้จากนายหน้าขายรถหรืออสังหาริมทรัพย์ และมันก็น่าหงุดหงิดมากที่ต้องมาเจอแบบนี้ตอนที่คุณจะสมัครเรียนให้ลูกของคุณและให้เขาไปอยู่ภายใต้การดูแลของบุคคลอื่น ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่สำคัญมากกว่าเรื่องใดๆ คนส่วนใหญ่มักจะไม่สนใจหรอกว่าโรงเรียนนั้นไม่ได้เพรียบพร้อมไปทุกอย่าง  แต่คนส่วนใหญ่ต้องการความซื่อสัตย์และต้องการทราบว่าลูกของเขาจะปลอดภัย ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และมีความสุขที่โรงเรียน

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าควรจะเลือกโรงเรียนไหนดี?

ในส่วนถัดไปเราจะพูดถึงความแตกต่างของความหลากหลายของระบบการศึกษา แต่เมื่อเราเลือกโรงเรียนใดขึ้นมาก็มักจะมีบางเรื่องที่ยังจะต้องได้รับการตรวจสอบ ซึ่งแต่ละโรงเรียนนั้นต่างก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย ดังนั้นจึงอย่าให้สิ่งนั่นมาเป็นอุปสรรคหากว่าโรงเรียนไม่ได้ตรงตามเกณฑ์ที่คุณต้องการไปซะทุกอย่าง

จำนวนนักเรียน– ผมยังจำได้ว่าเคยทำงานในโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งมีนักเรียนอย่างมาก 160คน แต่เมื่อทางโรงเรียนพาผู้ปกครองชมโรงเรียนเขาจะโปรโมทโรงเรียนโดยทำเหมือนกับว่าโรงเรียนมีนักเรียนจำนวนเกือบ300คน จริงๆแล้วการที่โรงเรียนมีนักเรียนมากหรือน้อยนั้นไม่ทำให้เกิดความแตกต่างอะไร แต่นั่นก็เป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่าทางโรงเรียนคำนึงถึงจำนวนนักเรียนมากกว่าที่จะคำนึงถึงคุณภาพของการศึกษา

สื่อการสอน– โรงเรียนที่ดีมักจะมีสื่อการสอนที่ทันสมัยและมีคุณภาพอยู่ในทุกห้องเรียน ปัจจุบันนี้วิชาICT เป็นวิชาหลักที่ประเทศอังกฤษ และนักเรียนควรที่จะได้เข้าถึงแท็บเล็ต  และคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรียนสองภาษาและโรงเรียนนานาชาติที่มีค่าเทอมสูงเมื่อคุณไปดูโรงเรียนลองสังเกตภายในห้องเรียนดูว่ามีเกมเสริมทักษะทางการศึกษา และนักเรียนมีอุปกรณ์การเรียนศิลปะและเทคโนโลยีการออกแบบที่ช่วยในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์เพียงพอหรือไม่

About Us Main Photo_Maddy

การโฆษณา– บางครั้งฝ่ายการตลาดก็ไม่ค่อยมีความซื่อตรงดังนั้นคุณต้องระวัง ผมเคยได้ไปเยี่ยมชมโรงเรียนสองภาษาที่ไม่อนุญาตให้ผมเข้าไปดูห้องเรียน ซึ่งโรงเรียนนั้นจะมีห้องเรียนพิเศษที่สร้างมาเฉพาะสำหรับผู้ปกครองที่จะเช้ามาชมโรงเรียน ในห้องเรียนเหล่านั้นจะมีของเล่นและเฟอร์นิเจอร์หลากสีสรรซึ่งดูน่ารักมาก  แต่เมื่อผมเดินผ่านห้องเรียนที่ใช้เรียนจริงๆ ผมได้มองลอดหน้าต่างเข้าไปดูเห็นว่าในห้องนั้นมีเพียงโต๊ะสีเทา เก้าอี้ และกระดานไวท์บอร์ด  และผมได้พบกับคุณครูที่ทำงานที่โรงเรียนนี้มาเป็นเวลานาน เขาก็ยืนยันว่าทางโรงเรียนใช้วิธีนี้และยังมีการทำให้เข้าใจผิดอย่างอื่นๆอีก เช่น สนามเด็กเล่น คอร์สกอล์ฟ และห้องของเล่น ซึ่งไม่เคยผ่านการใช้งานเลย

โรงเรียนที่ดีที่สุดจะมีคุณครูที่มุ่งมั่น– เมื่อคุณได้คุยกับคนที่พาคุณเยี่ยมชมโรงเรียน ลองถามพวกเขาเกี่ยวกับหลักสูตรของโรงเรียนและดูสิว่าพวกเขามีปฏิกิริยาอย่างไร หากว่าพวกเขามีแสดงอาการปกติและมุ่งมั่นในสิ่งพวกเขาทำอยู่ นั่นก็แสดงว่าโรงเรียนนั้นมีแนวโน้มว่าจะเป็นโรงเรียนที่ดี แต่ถ้าหากว่าคำตอบที่คุณได้รับเหมือนกับเป็นแพทเทิร์นที่ท่องมาจากหนังสือนั่นก็แสดงว่าพวกเขาสนใจที่อยากจะให้คุณสมัครเรียนมากกว่าการศึกษาของบุตรหลานของคุณ ลองดูระดับความสามารถของการเรียนรู้ของเด็กในแต่ละช่วงอายุที่เรียนในประเทศอังกฤษและลองขอดูผลงานของนักเรียนในโรงเรียนนั้นเมื่อคุณเข้าไปดูห้องเรียนเพื่อเป็นการเปรียบเทียบ

ดูหนังสือของนักเรียน–สิ่งนี้จะมี 2 อย่างให้เราเห็น คือ บางครั้งผลงานของนักเรียนอาจจะดูไม่ค่อยดีนักและระดับความสามารถของเด็กอาจจะไม่มาก นั่นก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่แสดงออกมาให้เห็น แต่ก็อย่าหลงเชื่อผลงานที่สุดแสนจะดีเลิศเช่นกัน หลายๆโรงเรียนให้คะแนนเกดรสวยหรูหรือยอมให้นักเรียนลอกคำตอบเพื่อที่จะทำให้ผู้ปกครองประทับใจ หนังสือเรียนที่ดีควรจะมีการบ้านส่วนมากที่ถูกต้องปนๆไปกับส่วนที่ยังไม่ถูกอีกทั้งหนังสือจะต้องแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการความสามารถของเด็กอย่างต่อเนื่อง

Gallery_Academic_Writing

การเปลี่ยนบุคลากร– การดูการหมุนเวียนของบุคลากรก็เป็นหลักวัดได้อีกอย่างที่ทำให้ทราบว่าโรงเรียนดูแลบุคลากรดีมากแค่ไหน ข้อมูลเหล่านี้หาได้ยาก แต่ถ้าคุณทราบมันก็จะเป็นแนวทางให้คุณได้อีกอย่างหนึ่ง การที่บุคคลากรทำงานที่ใดเป็นเวลานานนั้นมีความสำคัญเนื่องจากมันจะส่งผลเป็นอย่างมากกับคุณภาพของการศึกษาและสภาพสังคมของโรงเรียนทั้งหมด คุณครูและคุณครูผู้ช่วย(ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนไทย)  ในประเทศไทยยังไม่ได้รับค่าจ้างที่มากพอและหลายๆโรงเรียนก็ปฏิบัติต่อพวกเขาไม่ดี ส่งผลให้มีการเข้าและออกของ บุคลากรบ่อยซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลต่อนักเรียนแต่ยังส่งผลกับมาตรฐานของการศึกษาภายในโรงเรียนอีกด้วย

คุณครูที่มีคุณวุฒิ– เมื่อคุณมองหาโรงเรียนนานาชาติให้บุตรหลาน สิ่งแรกที่ควรต้องถามคือ “คุณครูของทางโรงเรียนมีคุณวุฒิครบถ้วนหรือไม่” ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบที่คุณจะได้รับคือพวกเขามี แต่คุณจะต้องดูว่าพวกเขามีปริญญาบัตรในด้านการศึกษาหรือมีใบPGCE (Postgraduate Certification in Education)หรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นมาตรฐานของคุณครูที่มีคุณภาพ ในขณะที่โรงเรียนนานาชาติหลายๆโรงเรียนมีการจ้างคุณครูที่มีPGCEสำหรับระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา  แต่โรงเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้จ้างคุณครูที่มีคุณวุฒิในด้านปฐมวัยซึ่งนี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับช่วงอายุนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักเรียนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง ถ้าทางโรงเรียนมีท่าทีที่ไม่อยากจะให้ดูวุฒิบัตรนั่นอาจจะมีแนวโน้มว่าคุณครูผู้สอนอาจจะไม่มีคุณวุฒิ สำหรับโรงเรียนสองภาษาจะแตกต่างกับโรงเรียนอื่นอยู่นิดหน่อย คือ คุณครูส่วนมากมีวุฒิแต่อาจจะไม่ใช่วุฒิครู โรงเรียนในประเทศไทยไม่ค่อยมีการตรวจเช็คประวัติอาชญากรรมและโรงเรียนนานาชาติบางโรงเรียนก็อาจจะลืมเรื่องนี้ไปด้วยเช่นกัน คำแนะนำของผมคือ หากว่าคุณไปดูโรงเรียนสองภาษา ขอให้คุณลองคุยกับคุณครูผู้สอนและลองรู้สึกด้วยตัวคุณเอง

คุยกับคุณครู– การพูดคุณกับคุณครูเป็นวิธีที่ดีที่จะได้รู้เกี่ยวกับโรงเรียน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาจะไม่พูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับโรงเรียน และถ้าโรงเรียนนั้นเป็นโรงเรียนที่ดีจริงๆพวกเขาจะรักโรงเรียน หรือไม่คุณก็อาจจะเห็นได้จากสีหน้าของพวกเขาไม่มากก็น้อย ผมเดาว่าครูส่วนมากที่ทำงานในโรงเรียนสองภาษาและดูไม่ค่อยมีความสุขอาจจะเนื่องจากว่าทางโรงเรียนไม่ได้ดูแลและไม่ได้ให้ค่าตอบแทนที่ดี และแน่นอนว่าการพูดคุยเกี่ยวกับหลักสูตรจะเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดีอีกอย่างหนึ่ง

สังเกตพฤติกรรมเด็กๆ– ลองดูนักเรียนว่าพวกเขาทำตัวอย่างไรเมื่ออยู่ที่โรงเรียน พวกเขาดูมีความสุขมั้ย?  พวกเขาได้รับการกระตุ้นในห้องเรียนมั้ยหรือแค่นั่งอยู่ที่โต๊ะเฉยๆ  เด็กวัยช่วงปีแรกต้องการการเล่นมาก ถ้าคุณไม่ได้เห็นสิ่งเหล่านี้คุณจะต้องระวังให้มาก ในระดับประถมศึกษากิจกรรมควรมีความสนุกสนานและท้าทาย และถึงแม้ว่าระดับมัธยมศึกษาจะเป็นวิชาการมากขึ้นแต่บทเรียนก็ควรจะยังคงเป็นบทเรียนที่เด็กสามารถเรียนรู้ได้อย่างสนุก

แล้วเราควรจะเลือกโรงเรียนไหนดีล่ะ  ?

เราไม่ได้บอกชื่อโรงเรียนที่เราได้ไปดูมา ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองจะต้องคิดและตัดสินใจว่าอะไรที่เหมาะกับผู้ปกครองและตัวเด็กเอง มีโรงเรียนที่ดีอยู่มากมายและคุณก็จะได้เจอกับโรงเรียนนั้น แต่มันอาจจะต้องใช้เวลาในการหาอยู่สักหน่อยและ Google ก็เป็นอีกทางที่ดีที่จะเริ่มต้นสำหรับการค้นหาโรงเรียน

British Early Years Centre is an International School in Bangkok. We follow the British Early Years  Foundation Stage Curriculum (EYFS)